ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ส้มตำเด้อ (ทองหล่อ) ร้านอาหารอีสานรสต้นตำรับแท้ ๆ แบบฉบับลูกอีสาน ที่ไปสร้างชื่อในต่างแดนมาแล้วหลายต่อหลายที่


ขยายความแซ่บหลายเด้อมายังย่านทองหล่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ส้มตำเด้อ ร้านอาหารอีสานรสต้นตำรับแท้ ๆ แบบฉบับลูกอีสานที่ไปสร้างชื่อในต่างแดนมาแล้วหลายต่อหลายที่
ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก โฮจิมินห์ซิตี้ โตเกียว และกรุงเทพฯ ซึ่งเคยเสิร์ฟความอร่อยให้คนกรุงเทพฯ ได้ลิ้มลองจนติดใจมาแล้วกับสาขาแรกในซอยศาลาแดง การกลับมาครั้งนี้จึงนับเป็นการโอกาสดีที่ชาวทองหล่อ จะได้ทานอาหารอีสานที่นำเสนอรสชาติแบบท้องถิ่นจริง ๆ ซึ่งหาทานได้ยาก อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งแฟล็กชิพของแบรนด์ส้มตำเด้อที่เป็นตัวอย่างให้นักชิมชาวไทยและชาวต่างชาติได้ทำความรู้จักก่อนไปแวะทานที่สาขาอื่น ๆ ยังตลาดต่างประเทศ

แบรนด์ส้มตำเด้อเป็นการนำคำที่เป็นซิกเนเจอร์ของคนอีสานระหว่างคำว่า ‘ส้มตำ’ หมายถึง ยำมะละกอที่ผ่านการตำด้วยครก ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคอีสาน มารวมกับคำว่า ‘เด้อ’ ซึ่งเป็นคำลงท้ายในภาษาอีสานที่ให้ความรู้สึกถึงการเชื้อเชิญที่หนักแน่น อบอุ่น และเป็นกันเอง ปัจจุบันแบรนด์ส้มตำเด้อเปิดให้บริการมาแล้ว 7 ปี มีทั้งหมด 5 สาขาใน 4 ประเทศ การันตีความอร่อยด้วยการเป็นร้านส้มตำไทยแห่งแรกที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์มาครอง พร้อมขยายสาขาไปยังใจกลางเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก


บาร์ส้มตำบริเวณหน้าร้าน โซนนี้คนทานจะได้เห็นเบื้องหลังความแซ่บ การตำส้มตำแบบสด ๆ

คุณเอ้-ธนฤกษ์ เหล่าเราวิโรจน์ เจ้าของร้านและผู้ก่อตั้งร้านส้มตำเด้อได้เล่าถึงที่มาไว้ว่า เขาและ เชฟกรณ์-กรณ์ฐนัธ ทองนำ เชฟใหญ่ของแบรนด์ตั้งใจนำคอนเซ็ปต์อาหารท้องถิ่นที่คุ้นเคยในวัยเด็กเมื่อครั้งที่อยู่จังหวัดขอนแก่นและสกลนครมาให้คนกรุงเทพฯ ได้ลองทาน 

เริ่มต้นจากสาขาศาลาแดงที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เรื่อยไปจนถึงสาขาที่นิวยอร์ก โฮจิมินห์ซิตี้ โตเกียว และกลับมาเปิดที่กรุงเทพฯ อีกครั้งกับสาขาทองหล่อแห่งนี้นี่เอง แต่ละสาขาที่ให้บริการล้วนนำความเป็นไทย รสชาติเอกลักษณ์ดั้งเดิมของคนอีสานไปเผยแพร่ให้คนต่างชาติได้รับรู้ แม้จะเลือกระดับความเผ็ดได้ตามต้องการ แต่ยังความครบรส รสชาติจัดจ้านแซ่บ ๆ แบบอีสานไว้เช่นเดิม




เลือกใช้โทนสีแดงส้ม ที่สื่อถึงความจัดจ้านของรสชาติอาหารอีสาน

ส้มตำเด้อสาขาทองหล่อ ยังคงรูปแบบการตกแต่งสไตล์ Contemporary ที่ผสมผสานความเป็นท้องถิ่นอีสานเข้าไว้กับความเป็น Urban Lifestyle ของคนเมืองได้อย่างลงตัว อาทิ การเลือกใช้โทนสีแดงส้ม ที่สื่อถึงความจัดจ้านของรสชาติอาหารอีสาน, โคมไฟที่ครอบด้วยสุ่มจับปลาสั่งทำพิเศษจากขอนแก่น, หวดที่ใช้นึ่งข้าวเหนียว, เสื่อลายสานงานผ้าไหม ผ้าหมี่ขิดที่นำมาตกแต่งบนผนังร้าน, ผ้าขาวม้า และอื่น ๆ อีกมากมายที่ให้กลิ่นอายของวัฒนธรรม สื่อถึงวิถีชีวิตของชาวอีสานแท้ ๆ  

ไปจนถึงเพลย์ลิสต์ที่มีทั้งเพลงต่างชาติ เพลงไทย ไปจนถึงเพลงหมอลำที่ช่วยเสริมบรรยากาศให้การทานอาหารอีสานมีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น ในส่วนของโซนนั่งนั้นรองรับผู้ที่เข้ามาทานได้ถึง 74 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น 2 ชั้นให้เลือกตามความชอบ ทั้งท่ามกลางบรรยากาศของบาร์ส้มตำบริเวณหน้าร้านที่โชว์วัตถุดิบ เครื่องปรุงต่าง ๆ พร้อมโชว์สเต็ปการตำส้มตำกันแบบสด ๆ ก่อนเสิร์ฟแบบสตรีทฟู้ด และแบบสบาย ๆ เป็นส่วนตัว แน่นอนว่าทุกสาขาใช้คอนเซ็ปต์แบบเดียวกันคือความเป็นอีสานร่วมสมัย




สุ่มจับปลา หวดนึ่งข้าวเหนียว และเสื่อลายสานผ้าหมี่ขิดที่นำมาตกแต่งตกแต่งร้าน ได้กลิ่นอายของวิถีชีวิตอีสาน

ได้เวลาลิ้มรสความแซ่บกันแล้วเด้อ สำหรับเมนูแนะนำที่บ่อยากให้พลาดกัน เริ่มจากออร์เดิร์ฟระหว่างรอส้มตำกับ สะโพกไก่ทอดเด้อ (90 บาท) ไก่ทอดสูตรขึ้นชื่อของร้านที่หมักด้วยพริกแกงแดง ตะไคร้ และเครื่องเทศหอม ๆ แล้วนำไปทอดจนกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับแจ่วอีสานที่ปรุงด้วยน้ำปลาและพริกป่น เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีทีเดียว



สะโพกไก่ทอดเด้อ (90 บาท)

ตามมาติด ๆ ด้วยเมนู หมูปิ้งกะทิสด (110 บาท) หมูปิ้งสไตล์สตรีทฟู้ดที่เพิ่มความหอมด้วยการทากะทิสด เพื่อให้ได้ทั้งความนุ่มและรสชาติที่กลมกล่อม แนะนำให้ทานคู่กับเส้นหมี่ขาวและแจ่วอีสาน อร่อยอย่าบอกใครเชียว



หมูปิ้งกะทิสด (110 บาท)

มาถึงสารพัดเมนูตำแบบแซ่บ ๆ กันบ้างอย่าง ตำซั่วสกลนคร (80 บาท) ตำปูปลาร้าใส่ขนมจีน (ใช้น้ำปลาร้าที่ทำจากปลากระดี่ เป็นสูตรเฉพาะของร้านส้มตำเด้อ) แล้วโรยด้วยเม็ดกระถิน รสจัดจ้านไม่เน้นความหวาน (แต่สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ตามต้องการ) และให้ความหอมของเครื่องสมุนไพร 



ตำซั่วสกลนคร (80 บาท)

หรือจะเป็น ตำปลาดุกฟู (90 บาท) ตำไทยที่เพิ่มความอร่อยด้วยหอมแดงและปลาดุกฟู ก่อนจะนำมาคลุกเคล้ากันเครื่องส้มตำ ได้ทั้งความกรุบกรอบของเส้นมะละกอ ปลาดุกฟู และความแซ่บแบบกลมกล่อมของน้ำส้มตำ 



ตำปลาดุกฟู (90 บาท)

ถัดจากเมนูตำ มาที่อาหารอีสานประเภทอื่น ๆ บ้าง ลองสั่ง ลาบปลาดุกย่าง (95 บาท) ลาบปลาดุกย่างที่เพิ่มรสสัมผัส ความกรุบกรอบด้วยข้าวเหนียวทอดที่นำมาโรยเป็นท็อปปิ้ง 



ลาบปลาดุกย่าง (95 บาท)

แล้วเติมความแซ่บแบบจัดเต็มกับเมนู หอยแครงแช่น้ำปลา (115 บาท) ยำหอยแครงที่ใช้สูตรเดียวกันกับกุ้งแช่น้ำปลาที่ทั้งสด สะอาด และมีขนาดที่ใหญ่มาปรุงรสด้วยเครื่องยำสมุนไพรแบบเน้น ๆ 



หอยแครงแช่น้ำปลา (115 บาท)

ปิดท้ายความอร่อยด้วย แกงอ่อมไก่ (110 บาท) ซุปอีสานรสแซ่บนัวแบบบ้าน ๆ ที่ใช้เนื้อไก่สับติดกระดูก ข้าวคั่ว น้ำปลาร้าปรุงรส และเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยสมุนไพรผักพื้นบ้าน ซดน้ำแกงทานตอนร้อน ๆ คล่องคอดีเหลือเกิน นอกจากนี้ทางร้านยังมีธีมเมนูพิเศษให้ได้ลิ้มลอง เช่น เมนูเส้น-ขนมจีน เมนูกบ เป็นต้น 

แกงอ่อมไก่ (110 บาท)

โดยจะเปลี่ยนธีมใหม่ในทุก ๆ 6 เดือน อย่างเดือนล่าสุดทางร้านแนะนำ ตำซั่วขนมจีนปลาทู (165 บาท) ขนมจีนที่นำมาคลุกเคล้ากับน้ำปลาร้า ผักชี หอม พริก และเนื้อปลาทูเลาะก้างเข้ากันได้เป็นอย่างดี จานนี้ก็น่าลองไม่แพ้กัน



ตำซั่วขนมจีนปลาทู (165 บาท)

ที่อยู่ : 351/2 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
เปิด-ปิด : 11.30-14.30 และ 16.30-22.30น. ทุกวัน
โทร : 0-2046-4904

ที่มา : bkkmenu.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ร้าน "Kumpoon คำพูน Restaurant" ร้านอาหารไทยสไตล์อีสาน ที่มีทั้งหมด 8 สาขา

ร้านอาหารไทยสไตล์อีสาน ที่ตอนนี้มีทั้งหมด 8 สาขา คือที่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลบางนา เซ็นทรัลศาลายา, เซ็นทรัลพระราม 9 เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ และซีคอนสแควร์ ขอบอกเลยว่า คำพูน เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีเมนู ส้มตำ อร่อยและเด็ดมาก

ร้าน "กรุงจิ้มจุ่ม" ร้านจิ้มจุ่ม เจ้าเก่าแก่แห่งสะพาน 2

กรุง คือ ร้านจิ้มจุ่ม เจ้าเก่าแก่แห่งสะพาน 2 ได้ย้ายมาเปิดร้านใหม่ที่ถนนจันทน์ ซอย 32/1 ด้วยคอนเซ็ปต์ร้านที่ว่า "ไม่ใช่แค่ อาหารอีสาน" ที่นี่นอกจากจะมี อาหารอีสาน แซบๆ แล้วยังมี อาหารไทย และ ซีฟู้ด อร่อยๆ ไว้คอยบริการด้วย

ร้าน "VIP ส้มตำ Club" สาขาดอนเมือง ศรีสมาน

          VIP ส้มตำ Club สาขาดอนเมือง ศรีสมาน มี ปลาร้านัวๆ รอเป็นขวัญใจของคนรัก อาหารอีสาน อยู่นะคะ ทางร้านบอกว่ารับประกันความแซ่บนัวแบบไม่เหมือนใคร ร้านตั้งอยู่ใกล้ๆ ทางด่วนศรีสมาน เป็นร้านส้มตำห้องแอร์ ปลาร้านัวสะใจ รสชาติอิสานแท้ แถมราคาไม่แพง โอ้ย...พูดแล้วก็อยากไปจริงๆ